"ปัญจมหาสุบินนิมิต ๕ ประการ"
หลังจากที่พระบรมโพธิสัตว์มหาบุรุษ ทรงเห็นว่าการแสวงหาหนทางตรัสรู้ ๒ ทางแรกนั้น คือ การศึกษาเรียนรู้จากสำนักอาฬารดาบส กาลามโคตร กับอุทกดาบส รามบุตร และ การกระทำทุกรกิริยา มิใช่หนทางแห่งพระโพธิญาณ จึงเปลี่ยนมาใช่หนทางที่ ๓ คือ มัชฌิมาปฏิปทา หรือ การบำเพ็ญเพียรทางจิตปฏิบัติ โดยทางสายกลาง แต่ทรงเห็นว่าสภาพร่างกายในตอนนี้ย่อมไม่สามารถที่จะปฏิบัติธรรมดังกล่าวได้ จึงเสด็จโคจรบิณฑบาตดุจกาลก่อน
ฝ่ายปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ต่างปรึกษากันว่า แม้พระโพธิสัตว์ได้บำเพ็ญทุกรกิริยามาเป็นระยะเวลาถึง ๖ ปี ก็ยังไม่อาจบรรลุสู่หนทางตรัสรู้ บัดนี้ได้ละเลิกหันมาเที่ยวบิณฑบาตและบริโภคอาหารเหมือนเดิม ไหนเลยจะพบธรรมวิเศษได้ มีประโยชน์อันใดที่จะอยู่อุปัฏฐากพระองค์ต่อไป ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ จึงพากันเดินทางไปยังป่า อิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้กรุงพาราณสี และเข้าอาศัยอยู่ในป่าแห่งนั้นซึ่งอยู่ห่างจากตำบลอุรุเวลาเสนานิคมประมาณ ๑๕ โยชน์
พระบรมโพธิสัตว์มหาบุรุษ ทรงบำเพ็ญเพียรทางใจตามลำพังมาโดยตลอด จนถึงราตรีวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ เมื่อบรรทมหลับ พระองค์ทรง ปัญจมหาสุบิน เป็นบุพนิมิตมหามงคล ๕ ประการ อันเป็นการฝันในลักษณะลางบอกเหตุสำคัญล่วงหน้า คือ
- ทรงพระสุบินว่า พระองค์เสด็จบรรทมหงายเหนือพื้นปฐพี พระเศียรหนุนภูเขาหิมพานต์ต่างพระเขนย หรือหมอน พระหัตถ์ซ้ายหยั่งลงในมหาสมุทรทางทิศตะวันออก
พระหัตถ์ขวาหยั่งลงทางทิศตะวันตก และ
พระบาททั้งสองหยั่งลงในมหาสมุทรทางทิศใต้
- ทรงพระสุบินว่า ติณชาติ หรือหญ้าแพรก เส้นหนึ่ง
งอกออกจากพระนาภี หรือสะดือสูงขึ้นไปจนถึงท้องฟ้า
- ทรงพระสุบินว่า หมู่กิมิชาติ หรือหนอน ทั้งหลาย อันมีสีขาวบ้าง ดำบ้าง เป็นอันมาก ไต่ขึ้นมาแต่พื้นพระบาททั้งสองจนเต็มพระชงฆ์ หรือแข้ง และไต่ขึ้นมาถึงพระชานุมณฑล คือถึงหัวเข่า
- ทรงพระสุบินว่า หมู่สกุณชาติ หรือนก ทั้ง ๔ จำพวก มีสีต่าง ๆ กัน คือ สีเหลือง สีขาว สีแดง และสีดำ บินจากทิศทั้ง ๔ ลงมาจับแทบพระบาทแล้วก็กลับกลายเป็นสีขาวไปทั้งสิ้น
- ทรงพระสุบินว่า พระองค์เสด็จขึ้นไปเดินจงกรมบนยอดภูเขาอันเต็มไปด้วยอาจม แต่อาจมเหล่านั้นมิได้เปรอะเปื้อนพระยุคลบาท
เมื่อพระบรมโพธิสัตว์ตื่นบรรทม ทรงทำนายมหาสุบินนิมิตด้วยพระองค์เอง ครั้นทราบด้วยปัญญาว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงเบิกบานพระทัย เมื่อทรงปฏิบัติภารกิจส่วนพระองค์ สระสรงพระวรกายหมดจดดีแล้ว จึงเสด็จไปประทับ ณ ร่มไม้นิโครธพฤกษ์ (ต้นไทร) ในยามเช้าแห่งวันเพ็ญวิสาขปรุณมีดิถี หรือวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำกลางเดือน ๖ ซึ่งบางตำราบอกว่าตรงกับปีระกา
บรรดาบูรพาจารย์ได้ให้คำอรรถาธิบายเกี่ยวกับปัญจมหาสุบินไว้ว่า เป็นบุพนิมิตมหามงคล ๕ ประการ คือ
- พระบรมโพธิสัตว์มหาบุรุษ จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้เลิศในโลกทั้ง ๓ อัน ได้แก่ เทวโลก มนุษย์โลก และยมโลก
- พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะได้ทรงประกาศสัจธรรมเผยแผ่อริยมรรคมีองค์ ๘ หรือ มรรค ผล นิพพาน แก่เหล่าเทพยดาและมนุษย์ทั้งมวล
- เหล่าคฤหัสถ์ พราหมณ์และชนทั้งหลายจะเข้ามาสู่สำนักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอันมาก และจะรับพระไตรสรณคมน์ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง
- ชาวโลกทั้งหลายทุกชั้นทุกวรรณะ คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ และศูทร เมื่อมาสู่สำนักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จะได้รู้ธรรมอันบริสุทธิ์หมดจดผ่อนใสโดยเท่าเทียมกัน
- แม้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบริบูรณ์ด้วยลาภสักการะและปัจจัยทั้ง ๔ ที่ชาวโลกจากทุกทิศน้อมนำมาถวายด้วยความเลื่อมใส ศรัทธา แต่พระองค์ก็มิได้มีพระทัยข้องอยู่ในลาภสักการะนั้นให้เป็นมลทินแม้แต่น้อย
|